เมื่อเร็วๆนี้ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท โดย นายภัทรภูมิ รอดพงษ์ ผู้ชำนาญการพิเศษ ร่วมประชุมจัดทำแผนแม่บทโครงการห้วยองคต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปีพ.ศ.2565-2569 ผ่านระบบออนไลน์ ครั้งที่ 1 ร่วมกับนายอำเภอหนองปรือ ผอ.กองประสานงานโครงการพื้นที่1 กปร. ผอ.วิจัยและพัฒนา ม.ราชภัฏกาญจนบุรี คณะผู้ปฎิบัติงานและผู้นำชุมชน
โดยการประชุมในครั้งนี้ มีการนำเสนอ ได้แก่ แนะนำโครงการ วิเคราะห์และจัดทำ SWOT Analysis ตลอดจนวิสัยทัศน์ พันธกิจยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ เพื่อนำเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) พิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการฯ
สำหรับโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งได้พระราชทานพระราชดำริให้จัดหาที่ดินในพื้นที่เพื่อพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนโดยทรงเน้นเรื่องการบริหารและจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำกินร่วมกับการคงอยู่ของธรรมชาติอย่างเกื้อหนุนกันตามหลักการฟื้นฟูและสร้างสมดุลในระบบนิเวศวิทยา
นายภัทรภูมิ รอดพงษ์ ผู้ชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีพื้นที่ดำเนินการ ประมาณ 20,625 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาพระฤาษี-เขาบ่อแร่ แปลงที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ 4 หมู่บ้านในตำบลสมเด็จเจริญ โดยมีแนวทางการพัฒนาพื้นที่โครงการ การส่งเสริมอาชีพตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน กลุ่มอาชีพหัตถกรรมพื้นบ้านและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้โดยไม่ทำลาทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลการดำเนินงาน สำหรับการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ ระบบ E-Vap ตั้งแต่ปี 2536-2564 โดยต้องผ่านการคัดเลือกจากหัวหน้าคณะผู้ปฏิบัติงานโครงการฯ นายอำเภอหนองปรือ โดยต้องมีคุณสมบัติเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ มีเกษตรกรผ่านการคัดเลือก 20 ราย จัดตั้งเป็นกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่ และมีคณะกรรมการกลุ่มประสานงาน โดยมีนายสุรชัย รุ่งรัตนพงษ์พร เป็นประธานกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่รายละ 4,200 ตัว รวมทั้งสิ้น 84,000ตัว และเครือเจริญโภคภัณฑ์สร้างบ้านถวายสมเด็จพระเทพฯ เพื่อให้เกษตรกรมีที่อยู่อย่างถาวร โดยเกษตรกรผ่อนชำระให้กับโครงการห้วยองคตฯหลังละ 1,700 บาทต่อเดือน ในราคาหลังละ 180,000 บาท
ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ สามารถสร้างให้ทุกครอบครัวมีชีวิตที่มั่นคง บุตรได้เรียนหนังสือ มีบ้าน มีปัจจัยสี่ มีสาธารณูปโภคที่สมบูรณ์ และมีรายได้ที่มั่นคง ประมาณ 250,000-350,000 บาท ต่อรุ่นการเลี้ยงไก่ไข่ อีกทั้งช่วยเหลือสังคมให้การมอบไข่ไก่ในการจัดกิจกรรมต่างในพื้นที่โครงการฯ กว่า 5,000ฟองต่อปี อีกด้วย
ภาพ: นายภัทรภูมิ รอดพงษ์
เขียน: ธนกฤต บรรเทิงสุข
######